FORRU
ห้องสมุด

การสะสมและพลวัตคาร์บอนในดินของระบบนิเวศป่าธรรมชาติและแปลงฟื้นฟูป่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

Language:
การสะสมและพลวัตคาร์บอนในดินของระบบนิเวศป่าธรรมชาติและแปลงฟื้นฟูป่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
Date:
2013-12
Author(s):
Kavinchan, N.
Publisher:
Graduate School, Chiang Mai University, Thailand.
Serial Number:
257
Suggested Citation:

Kavinchan, N. 2013. Soil carbon sequestration and dynamics of natural forest ecosystems and forest restoration plots in Mae Rim District, Chiang Mai Province. PhD thesis, The Graduate School, Chiang Mai University.

 

บทคัดย่อ: การศึกษาคาร์บอนใต้ดินในป่าที่ฟื้นฟูด้วยวิธีพรรณไม้โครงสร้างโดยหน่วยวิจัยการฟื้นฟูป่า ซึ่งตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านแม่สาใหม่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีอายุการปลูกคือ 11, 7 และ 2 ปี เปรียบเทียบกับแปลงป่าธรรมชาติใกล้เคียง รวมถึงแปลงที่ไม่ได้รับการฟื้นฟู (แปลงควบคุม) การศึกษาการสะสมปริมาณเศษซากพืชโดยการใช้ตาข่ายขนาด 1 x 1 ตารางเมตรรองรับเศษซากพืชที่ร่วงหล่นในแปลงศึกษาเป็นเวลา 32 เดือน (มิถุนายน 2552 – มกราคม 2555) โดยปริมาณเศษซากพืชอยู่ในช่วง 1.54 – 17.61 ตัน/เฮกตาร์ โดยป่าธรรมชาติมีปริมาณเศษซากพืชที่ร่วงหล่นสูงสุด รองลงมาคือ แปลงอายุ 11, 7, แปลงควบคุมและแปลงอายุ 2 ปี ตามลา ดับดังนี้ คือ 17.61, 13.98, 13.18, 6.24 และ 1.54 ตัน/เฮกตาร์ ส่วนปริมาณคาร์บอนในเศษซากพืช เท่ากับ 6.82, 4.96, 4.35, 2.08 และ 0.53 ตันคาร์บอนต่อเฮกตาร์ โดยป่าฟื้นฟูที่อายุมากจะมีแนวโน้มของเศษซากพืชและปริมาณคาร์บอนที่สะสมในเศษซากพืชมากกว่าแปลงที่อายุน้อย การย่อยสลายเศษซากพืชที่เป็นตัวแทนของพรรณไม้โครงสร้าง 3 ชนิดได้แก่ ทองหลางป่า ก่อแป้นและมะเดื่อน้อย โดยพบว่า มะเดื่อน้อยมีการย่อยสลายสูงสุด รองลงมาคือ ทองหลางป่าและก่อแป้น และได้มีการศึกษาการย่อยสลายของเศษซากพืชโดยการใช้ถุงตาข่ายขนาดใหญ่ โดยพบว่าอัตราการย่อยสลายสูงสุดในแปลงอายุ 7 ปีรองลงมาคือ แปลงอายุ 11 ปี แปลงควบคุม แปลงป่าธรรมชาติและแปลงอายุ 2 ปี คือ 2.85, 1.27, 1.20, 1.12 และ 1.08 ตามลำดับ

นอกจากนั้น ยังมีการศึกษาคาร์บอนที่สะสมในดินจากผิวดินจนถึงระดับความลึก 200 เซนติเมตรโดยพบว่าแปลงอายุ 2 ปีมีปริมาณอินทรีย์คาร์บอนสะสมในดินสูงสุดรองลงมาคือ 254.40, แปลงอายุ 7 ปี แปลงป่าธรรมชาติ แปลงควบคุมและแปลงอายุ 11 ปีเท่ากับ 251.14, 244.96, 205.88 และ 161.82 ตัน คาร์บอนต่อเฮกตาร์