FORRU
ห้องสมุด

การตั้งตัวตามธรรมชาติของต้นกล้าไม้ยืนต้นในพื้นที่ทดสอบการฟื้นฟูป่าที่บ้านแม่สาใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

Language:
การตั้งตัวตามธรรมชาติของต้นกล้าไม้ยืนต้นในพื้นที่ทดสอบการฟื้นฟูป่าที่บ้านแม่สาใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
Date:
2008
Author(s):
Sinhaseni, K
Publisher:
The Graduate School, Chiang Mai University
Serial Number:
133
Suggested Citation:

Sinhaseni, K., 2008. Natural Establishment of Tree Seedlings in Forest Restoration Trials at Ban Mae Sa Mai, Chiang Mai Province. MSc thesis, the Graduate School Chiang Mai University.

บทคัดย่อ: หน่วยวิจัยและฟื้นนฟูป่า (FORRU) ประสบความสําเร็จในการใช้วิธีพรรณไม้โครงสร้างฟื้นฟูป่าโดยกระตุ้นการกลับคืนมาของป่าตามธรรมชาติบริเวณพื้นที่ป่าที่ถูกทําลายในภาคเหนือของประเทศไทย โดยปลูกไม้ยืนต้นท้องถิ่น 20-30 ชนิด ที่เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ทนทานต่อไฟ และวัชพืช รวมถึงดึงดูดสัตว์ป่าที่ช่วยกระจายเมล็ด พื้นที่ทดลองตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ภาคเหนือของประเทศไทยและมีการปลูกป่าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีพ.ศ. 2541

วัตถุประสงค์ของงานวิจัยในครั้งนี้คือ I) เพื่อศึกษาว่าการฟื้นฟูช่วยสนับสนุนการเกิดต้นกล้าไม้ยืนต้นที่ไม่ได้ปลูกในแปลงทดลองปลูกป่า และการเพิ่มขึ้นของความหลากหลายของชนิดพันธุ์หรือไม่ และ II) ศึกษาอิทธิพลจากชนิดไม้ยืนต้นที่ปลูกความหนาแน่นของแปลงปลูกอายุแปลงปลูกและไฟต่อการตั้งตัวตามธรรมชาติของกล้าไม้ยืนต้น

ในการวิจัยนี้ใช้สองวิธีในการสํารวจต้นกล้า ในการศึกษาอิทธิพลของความหนาแน่นในการปลูกโดยวางพื้นที่หน่วยเก็บตัวอย่างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 10x30 เมตรในแปลงปลูกปีพ.ศ.2542 ที่มีความหนาแน่นของกล้าไม้ 3 ระดับ (ระยะระหว่างต้นเมื่อ ปลูกคือ 2.3, 1.8 และ1.5 เมตร) ส่วนการศึกษาอิทธิพลของอายุแปลงปลูกต่อต้นกล้าที่เกิดขึ้นใหม่ในแปลงปลูกป่า ด้วยการใช้หน่วยเก็บตัวอย่างรูปวงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เมตร วางในแปลงปลูกป่าเมื่อปีพ.ศ. 2541, 2545 และแปลงที่ไม่มีการปลูกโดยในทุกหน่วยการเก็บตัวอย่าง จะเก็บข้อมูลของต้นกล้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและวัดความสูง เส้นผ่านศูนย์กลางบริเวณโคนต้น (ใช้เวอเนียร์คาลิปเปอร์) ความกว้างทรงพุ่ม สุขภาพของต้นกล้า วัชพืชที่อยู่ใกล้เคียงและร่มเงา นอกจากนี้ บันทึกชนิดของพรรณไม้โครงสร้างที่พบต้นกล้าอยู่ใต้ทรงพุ่ม ว่ามีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน หรือไม่ ความหนาแน่นของประชากรต้นกล้าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและอัตราส่วนของชนิดพืชของป่าอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นตามอายุของแปลงปลูกการปลูกด้วยระยะ 1.8 เมตร (3,125 ต้นต่อเฮกแตร์) ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิ์ภาพสูงสุดต่อการตั้งตัวของต้นกล้า เมล็ดส่วนใหญ่ที่เข้าสู่แปลงเป็นกลุ่มที่กระจายด้วยสัตว์ (มากกว่าลม) การตายของกล้าไม้ในแปลงควบคุมสูงกว่าในแปลงปลูกป่าและมี การตายสูงที่สุดในช่วงฤดูฝนที่ 2 กล้าไม้ยืนต้น 73 ชนิดที่พบในแปลงปลูกเป็นชนิดใหม่ไม่ใช่พรรณไม้โครงสร้างไฟที่เข้ามาในแปลงฟื้นฟูป่าขัดขวางการตั้งตัวของต้นกล้าและเพิ่มอัตราการตาย ส่งผลให้ค่าดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพลดลง พรรณไม้โครงสร้างทั้ง 57 ชนิดที่ปลูกสนับสนุน

การตั้งตัวของกล้าไม้ชนิดใหม่ใต้ทรงพุ่ม ซึ่ง 3 อันดับแรกที่มีผลดังกล่าวคือเดื่อไทร นางพญาเสือโคร่ง และ ทองหลางป่า และต้นกล้าที่พบใต้พุ่มส่วนใหญ่เป็นชนิดที่นําพาเมล็ดด้วยสัตว์ ดังนั้น วิธีการพรรณไม้โครงสร้างจึงเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการฟื้นตัวของป่า